ดาวบนบ่าตํารวจในเครื่องหมายข้าราชการ ช่วยระบุยศได้อย่างไร

ดาวบนบ่าตํารวจในเครื่องหมายข้าราชการ ช่วยระบุยศได้อย่างไร

หลายคนคงเห็นดาวบนบ่า ตํารวจอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ไม่รู้ความหมายและข้อแตกต่างของดาวบนบ่า ตํารวจ หรืออาจเป็นไปได้ว่าในชีวิตประจำวันผู้คนอาจจะเห็นดาวบนบ่าตํารวจจากยศผู้น้อยเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าดาวบนบ่า ตํารวจมีกี่ตำแหน่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วอาชีพข้าราชการตำรวจมีหลายตำแหน่งแบ่งตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามยศและดาวที่ติดอยู่บนบ่า

ก่อนหน้านี้เราได้รู้จักยศตำรวจกันไปแล้ว บทความนี้จึงจะมาอธิบายความแตกต่างของดาวบนบ่า ตํารวจและตำแหน่งที่พ่วงมาด้วยว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และสำหรับน้องๆ ที่กำลังสนใจอยากสอบเข้ารับราชการตำรวจ แต่ยังไม่เข้าใจความหมายของดาวบนบ่าตํารวจว่ามีอะไรบ้าง และจำนวนดาวบนบ่าบ่งบอกอะไรเราได้บ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน

ดาวบนบ่าตำรวจมีในยศไหนบ้าง

การที่ตำรวจจะมีดาวบนบ่าได้นั้น ตำรวจผู้นั้นจะต้องมีชั้นยศร้อยตำรวจขึ้นไป ซึ่งยศชั้นร้อยตำรวจจะมีด้วยกันอยู่ 3 ตำแหน่ง ได้แก่

  1. ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) จะได้รับเครื่องหมายยศนายร้อยตำรวจ เป็นดาวสีเงินเพื่อติดบนบ่าข้างละ 1 ดวง ซึ่งตำแหน่งนี้จะถูกเรียกว่า ผู้หมวด หรือ หมวด ตัวย่อคือ มว.

     

  2. ร้อยตำรวจโท (ร.ต.ท.) จะได้รับเครื่องหมายยศนายร้อยตำรวจ เป็นดาวสีเงินเพื่อติดบนบ่าข้างละ 2 ดวง ซึ่งตำแหน่งนี้จะถูกเรียกว่า ผู้หมวด หรือ หมวด ตัวย่อคือ มว.

     

  3. ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) จะได้รับเครื่องหมายยศนายร้อยตำรวจ เป็นดาวสีเงินเพื่อติดบนบ่าข้างละ 3 ดวง ซึ่งตำแหน่งนี้จะถูกเรียกว่า ผู้กอง หรือ รองสารวัตร ตัวย่อของรองสารวัตร คือ สว.

     

นอกจากตำแหน่งและดาวที่กล่าวมาข้างต้น ยังตำแหน่งอื่นอีกที่มีชั้นยศติดบนบ่า ดังนี้

  1. พลตำรวจเอก หรือ พล.ต.อ. (Police General)

     

  2. พลตำรวจโท หรือ พล.ต.ท. (Police Lieutenant General)

     

  3. พลตำรวจตรี หรือ พล.ต.ต. (Police Major General)

     

  4. พันตำรวจเอก หรือ พ.ต.อ (Police Colonel)

     

  5. พันตำรวจโท หรือ พ.ต.ท. (Police Lieutenant Colonel)

     

  6. พันตำรวจตรี หรือ พ.ต.ต. (Police Major)

นอกจากดาวบนบ่าแล้วยังมีสัญลักษณ์อะไรเป็นจุดสังเกตได้อีก

นอกจากดาวบนบ่า ตํารวจอะไรเป็นจุดสังเกตได้อีก

สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนอาจจะเคยเห็นตำรวจตั้งด่านคอยตรวจสอบความถูกต้องและความเป็นระเบียบโดยการโบกเรียกให้จอดรถเพื่อขอดูบัตรประชาชนของผู้ขับขี่ และหลายคนคงยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโดยไม่คำนึงถึงว่า เรามีสิทธิปฏิเสธการขอดูบัตรประชาชนได้ 

พออ่านถึงตรงนี้คงเกิดความสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าเรามีสิทธิปฏิเสธได้ด้วยหรือ ขอตอบเลยว่าทำได้ แต่ต้องเป็นในกรณีที่ตำรวจท่านนั้นมียศไม่ถึงร้อยตำรวจตรี เพราะจะต้องเป็นตำรวจที่มียศสูงกว่าร้อยตำรวจตรีเท่านั้นจึงจะสามารถขอตรวจบัตรประชาชนเราได้ ซึ่งสังเกตง่าย ๆ จากดาวบนบ่า ตํารวจท่านนั้นต้องมีอย่างน้อย 1 ดาวขึ้นไป

อีกกรณีหนึ่งคือ ถ้าตำรวจท่านนั้นไม่ได้แต่งกายมาเต็มยศ หรือตำรวจท่านนั้นแจ้งว่าไม่ได้ติดดาวที่บ่ามา เราสามารถขอดูบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ก่อนได้ เพื่อดูว่าตำรวจท่านนี้ชื่ออะไร มียศอะไร และอยู่สังกัดไหน เพื่อให้มั่นใจว่าตำรวจท่านนี้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถตรวจบัตรประชาชนได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวเราและตำรวจไม่สามารถถ่ายรูปบัตรประชาชนและบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของกันและกันได้ทุกกรณี

ดาวบนบ่าตำรวจมีที่มาอย่างไร

ยศตำรวจเริ่มถูกกำหนดขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงระบอบต่าง ๆ มากมายรวมไปถึงการจัดระเบียบงานบริหารของข้าราชการแผ่นดินตามระบบการจัดการแบบยุโรปทั้งหมด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งการให้แบ่งแยกยศและบรรดาศักดิ์ออกจากกัน เดิมทีในปีพุทธศักราช 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ตราประทับแก่ยศทหารก่อนและจากนั้นทรงให้ตราประทับแก่ยศตำรวจเป็นลำดับถัดมา

ดาวบนบ่าตำรวจกับดาวบนบ่าทหารต่างกันอย่างไร

ย้อนกลับไปยุคสมัยที่มีการล่าอาณานิคมจากฝั่งตะวันตก ทำให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลด้านการจัดการระบบข้าราชการไทยโดยการประดับยศตำรวจด้วยดาว 5 แฉก แต่ลืมไปว่า ดาว 5 แฉกได้ถูกประดับยศให้กับทหารไปแล้ว ทางด้านสมเด็จพระสังฆราชฯ พระองค์ที่ 16 จึงเมตตาประทานดาว 8 แฉกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำยศตำรวจแทน ซึ่งแต่ละแฉกมีความหมายเป็นข้อเตือนใจให้แก่ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้ยึดมั่น ดังนี้

  1. สังคหวัตถุ 4 หมายถึง หลักธรรม 4 ประการ คืออาวุธทางธรรมที่ช่วยขัดเกลาให้คนหมู่มากอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและช่วยลดความขัดในสังคม

     

  2. มรรค 8 หมายถึง การมีสติและการรู้ทันความคิดตัวเองตลอดเวลาว่า

     

  3. อิทธิบาท 4 หมายถึง ความพึงพอใจ ความเพียร ความคิดความตั้งใจ และความไตร่ตรอง ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ

     

  4. พรหมวิหาร 4 หมายถึง มีความปรารถนาดีมอบให้ผู้อื่น มีความสงสารเห็นใจผู้อื่น มีความปีติยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จ และการวางใจให้เป็นกลาง

     

  5. โลกธรรม 8 หมายถึง เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาว่าร้าย ทุกข์

     

  6. ทิศ 6 หมายถึง บุคคล 6 กลุ่มที่ควรระลึกถึง ได้แก่

     

  • ปุรัตถิมทิศ หมายถึง ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา และมารดา

     

  • ทักขิณทิศ หมายถึง ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครู อาจารย์

     

  • ปัจฉิมทิศ หมายถึง ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ สามี ภรรยา

     

  • อุตตรทิศ หมายถึง ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มิตรสหาย

     

  • เหฏฐิมทิศ หมายถึง ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ ลูกจ้าง กับนายจ้าง

     

  • อุปริมทิศ หมายถึง ทิศเบื้องบน ได้แก่ พระสงฆ์ สมณพราหมณ์

     

  1. อริยสัจ 4 หมายถึง ความจริงอันประเสริฐ ได้แก่ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ สาเหตุแห่งทุกข์ ความไม่มีทุกข์ และความจริงว่าด้วยวิถีทางแห่งความดับทุกข์

     

  2. ความกตัญญู หมายถึง ระลึกถึงและรู้คุณที่คนอื่นทำให้แก่ตน

     

ส่วนที่มาของยศทหารดาว 5 แฉกมาจาก ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน

ทราบกันไปแล้วกับที่มาที่ไปและความหมายของดาวบนบ่า ตํารวจ หากน้อง ๆ คนไหนสนใจอยากสอบเข้ารับราชการตำรวจ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน สามารถติดต่อสถาบัน ติวสอบนายสิบตำรวจ – GovEntrance มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการติวสอบครบทุกด้านทุกวิชา พร้อมส่งแนวข้อสอบย้อนหลัง 10 ปีให้ได้ฝึกทำก่อนสอบจริงอีกด้วย

ช่องทางการติดต่อโรงเรียนติวสอบ goventpolice 

Facebook : GovEntrance Police ติวสอบตำรวจ

E-mail : goventrance@gmail.com

Website :  https://www.goventpolice.com/

โทร : 098 632 4454

ที่อยู่ : 44/21 ถนน รามคำแหง แขวง หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

Top